Post Top Ad

ไลฟ์สไตล์การแต่งตัว เทรนด์แฟชั่นเสื้อผ้า การแต่งหน้า การทำผม เคล็ดลับการดูแลสุขภาพ ผิวพรรณ ความสวย ความงาม การออกกำลังกาย การทำอาหาร การทำขนม และรีวิวสินค้า
13:31

การวิ่งมาราธอน

วิ่งมาราธอนระยะไกลเพื่อไปให้ถึงเส้นชัย จะต้องเตรียมตัวอย่างไรก่อนลงวิ่งในรายการจริง ไม่ว่าจะเป็นวิ่งมาราธอนระยะทาง 42 กิโลเมตร หรือวิ่งฮาล์ฟมาราธอนระยะทาง 21 กิโลเมตร หรือวิ่งมินิฮาล์ฟมาราธอนระยะทาง 10 กิโลเมตร 

สำหรับการวิ่งมาราธอน กลายเป็นกีฬายอดนิยมอีกประเภทหนึ่ง ณ เวลานี้ ซึ่งในหลายๆ รายการมีจำนวนผู้สมัครเข้าร่วมการแข่งขันไม่น้อยที่มีใจรักการวิ่งมาราธอน อาจเป็นเพราะผู้แข่งขันได้ทั้งความสนุกสนาน ได้ทั้งมิตรภาพจากเพื่อนใหม่ๆ และยังมีสิทธิลุ้นรางวัลอยู่ข้างหน้า หากเข้าเส้นชัยเป็นอันดับต้นๆ   

ต้องบอกว่าไม่ง่ายเลยที่เราจะวิ่งมาราธอนระยะไกลเพื่อไปให้ถึงเส้นชัยโดยไม่มีการฝึกซ้อม เพราะการฝึกซ้อมวิ่งจะช่วยทำให้ระบบหายใจและกล้ามเนื้อแข็งแรงและอึดพอ จนเป็นความเคยชิน ทำให้ไม่รู้สึกเหนื่อยและล้าง่ายขณะวิ่งจริง แนะนำว่าในขณะซ้อมและวิ่งจริงให้ปฏิบัติดังนี้ 

1. วอร์มร่างกายก่อนซ้อมวิ่งอย่างน้อย 10 นาที เพื่อเป็นการกระตุ้นกล้ามเนื้อและข้อต่อต่างๆ ของร่างกาย ช่วยป้องกันอาการบาดเจ็บขณะวิ่ง และยังช่วยทำให้วิ่งได้นานขึ้นด้วย

2. ต้องซ้อมวิ่งอยู่ประจำ ทั้งนี้ระยะเวลาในการซ้อมขึ้นอยู่กับความแข็งแรงของร่างกายของแต่ละคน บางคนอาจต้องใช้เวลาเป็นปีกว่าร่างกายจะพร้อม แนะนำในการซ้อมแต่ละวันให้ซ้อมวิ่งหนักโดยการเพิ่มระยะทางในการวิ่งไปเรื่อยๆ และสลับกับการวิ่งเบาๆ ไปจนกว่าจะสามารถวิ่งจนครบกำหนดระยะทางของการวิ่งมาราธอนในแต่ละรายกายที่จะลงแข่งขัน

3. หลังจากซ้อมวิ่งแล้ว จนร่างกายมีความแข็งแรงและอึดเพียงพอแล้ว ให้ซ้อมวิ่งเสมือนจริง เสมือนว่าเรากำลังวิ่งมาราธอนแข่งขันในสนามจริง ให้ได้ระยะทางรวมเท่ากับรายการที่เราจะลงแข่งขันได้กำหนดไว้แบบรอบเดียวจบ
    
4. ในระหว่างการซ้อมหากเกิดอาการบาดเจ็บ ห้ามฝืนซ้อมวิ่งต่อโดยเด็ดขาด จนกว่าอาการเจ็บบาดเจ็บจะหายสนิท จึงค่อยกลับมาซ้อมวิ่งต่อ 

5. หลังจากฝึกซ้อมวิ่งต้องมีระยะเวลาในการพักเพียงพอก่อนการลงสนามวิ่งจริง เพื่อให้ร่างกายได้มีการพักฟื้นไม่ให้กล้ามเนื้ออ่อนล้าจนเกินไป ยิ่งก่อนวันวิ่งมาราธอนจริงต้องนอนหลับพักพ่อนอย่างน้อย 7 ชั่วโมง เมื่อตื่นมาจะได้รู้สึกสดชื่น    

6. ในช่วงของการฝึกซ้อมวิ่งมาราธอน อาหารเป็นสิ่งสำคัญมาก ควรรับประทานอาหารให้ครบ 5 หมู่และพอเพียงต่อความต้องการของร่างกายในแต่ละวัน 

7. ขณะวิ่งน้ำดื่มเป็นสิ่งสำคัญมาก เพราะร่างกายของเราจะสูญเสียน้ำตลอดระยะเวลาของการวิ่ง ซึ่งขณะวิ่งจึงควรจิบน้ำเป็นระยะๆ เมื่อรู้สึกกระหายน้ำ อย่าปล่อยให้ร่างกายขาดน้ำโดยเด็ดขาด 

8. อย่าฝืนวิ่งต่อไปเมื่อรู้สึกเหนื่อย ให้หยุดพักจนกว่าอาการจะดีขึ้น 

หากเรามีวินัยในการฝึกซ้อมวิ่งมาราธอนอย่างจริงจัง รับรองว่าเส้นชัยจะอยู่ไม่ไกลเกินความสามารถของเราเลย 

14:58

รีวิว เครื่องผสมอาหาร ELECTROLUX รุ่น EHM3407 (แบบมือถือ) / EHSM3417 (แบบมีฐานตั้ง)

เครื่องผสมอาหารหรือบางคนจะเรียกมันว่า เครื่องตีแป้ง เครื่องตีไข่ อะไรก็แล้วแต่ แต่ในที่นี้ขอเรียกมันว่า เครื่องผสมอาหารก็แล้วกันค่ะ เพราะมันสามารถใช้ประโยชน์ได้หลากหลาย เดี๋ยวนี้จะเห็นว่าบรรดาพ่อบ้านแม่บ้านต้องมีเครื่องผสมอาหารติดบ้านกันไว้ใช้งาน โดยเฉพาะอย่างยิ่งสำหรับผู้ที่ชื่นชอบการทำขนมเบเกอรี่ ขนมเค้ก ต่างๆ จำเป็นต้องมี สำหรับบทความนี้ก็เลยเอาเครื่องผสมอาหารของ ELECTROLUX 2 รุ่นมาแนะนำกัน ซึ่งทั้ง 2 รุ่นนี้ต่างกันแค่มีฐานตั้ง หรือไม่มีฐานตั้งเท่านั้น ส่วนฟังก์ชั่นการใช้งานหรือตัวเครื่องเหมือนกัน ไม่แตกต่างกันอย่างไร

1. เครื่องผสมอาหาร ELECTROLUX รุ่น EHM3407 แบบมือถือ
เครื่องผสมอาหาร ELECTROLUX รุ่น EHM3407
ลองดูวีดิโอการทดสอบการใช้งานกันดูค่ะ

2. เครื่องผสมอาหาร ELECTROLUX รุ่น EHSM3417 แบบมีฐานตั้ง
เครื่องผสมอาหาร ELECTROLUX รุ่น EHSM3417

รายละเอียดเครื่องผสมอาหาร ELECTROLUX ทั้ง 2 รุ่นนี้ (ต่างกันแค่มีฐานหรือไม่มีฐานเท่านั้น) คือ
  • ปรับระดับความเร็วได้ 5 ระดับ
  • มีปุ่มเทอร์โบ ช่วยเพิ่มความเร็วชั่วขณะ
  • ใช้งานสะดวกด้วยปุ่มกดถอดหัวตะกร้อ/ตะขอจากตัวเครื่อง
  • มาพร้อมหัวตะกร้อสเตนเลส 2 หัว และหัวตะขอสเตนเลส 2 หัว
  • มอเตอร์กำลังไฟแรง 450 วัตต์
  • ฐานตั้งพร้อมชามสแตนเลสขนาดใหญ่ 3.5L (เฉพาะรุ่น EHSM3417 แบบมีฐานตั้งเท่านั้น)
เครื่องผสมอาหารทั้งสองรุ่นนี้ไม่ว่าจะเป็นแบบมือถือ หรือแบบมาพร้อมกับฐานตั้ง ก็ขึ้นอยู่กับความสะดวกของผู้ใช้งาน ซึ่งทั้งสอบแบบก็สามารถเตรียมอาหารได้หลากหลายรูปแบบในเวลาอันรวดเร็ว เสียบปลั๊กไฟปุ๊บ ก็ใช้งานได้ทันที ขนาดกะทัดรัด ไม่ใหญ่มาก เคลื่อนย้ายสะดวก ถือว่ามีความคล่องตัวดีเลยทีเดียว

เป็นเครื่องผสมอาหารที่ผลิตจากวัสดุคุณภาพดี แข็งแรง ทนทาน และปลอดภัย สามารถใช้งานได้ยาวนาน
มาพร้อมกับฟังก์ชั่นการปรับระดับความเร็วได้ถึง 5 ระดับ ที่มีความยืดหยุ่นต่อการใช้งาน ซึ่งสามารถเลือกปรับความเร็วให้เหมาะสมกับรูปแบบอาหารที่ต้องการได้
เครื่องผสมอาหารทั้งสองรุ่นนี้มีปุ่มเทอร์โบ ช่วยเพิ่มความเร็วชั่วขณะ ไม่ต้องกดเปลี่ยนความเร็วไปมาบ่อยๆ ที่มาพร้อมกับ
มอเตอร์กำลังไฟแรง 450 วัตต์ ที่สามารถช่วยตีอาหารของคุณได้ละเอียด และเนียน ได้อย่างรวดเร็วและไม่อยากเย็น

สำหรับเครื่องผสมอาหาร ELECTROLUX รุ่น EHM3407 และ EHSM3417 จะแถมหัวตะกร้อสเตนเลส 2 หัว และหัวตะขอสเตนเลส 2 หัว ถ้าต้องการใส่หรือถอดหัวตะกร้อเพื่อต้องการทำความสะอาดก็ง่ายดาย

ELECTROLUX รุ่น EHM3407 และ EHSM3417 เป็นเครื่องผสมอาหาร ที่แนะนำให้คุณพ่อบ้านหรือแม่บ้านมีติดครัวไว้ ถือว่าเป็นเครื่องผสมอาหารที่มีคุณภาพดีอีกยี่ห้อหนึ่ง ช่วยให้คุณเตรียมอาหารได้อย่างรวดเร็วขึ้น ประหยัดเวลา และเป็นเรื่องง่าย ด้วยการเสียบปลั๊กและกดสวิตช์ก็สามารถใช้งานได้ในทันที ไม่ว่าจะเป็นอาคาวหรือหวานก็ไม่ใช่เรื่องยากสำหรับคุณอีกต่อไปค่ะ
23:02

รีวิว เตาอบไฟฟ้า SHARP EO-42K


เตาอบไฟฟ้า SHARP EO-42K
จากบทความที่แล้ว ได้แนะนำเตาอบยี่ห้อไหนดีกันไปแล้ว สำหรับบทความนี้ก็อยากจะแนะนำ เตาอบไฟฟ้า SHARP EO-42K ความจุขนาด 42 ลิตร ซึ่งเป็นรุ่นที่แอ้ดเองซื้อมาใช้งานอยู่ งานหลักๆ ที่ใช้เจ้าเตาอบไฟฟ้าเครื่องนี้ก็คือ ใช้อบขนมเบเกอรี่ จำพวกขนมเค้กและขนมปังเป็นประจำ ตอนแรกตั้งใจซื้อเตาอบไฟฟ้าไว้ใช้เพื่ออบขนมสำหรับรับประทานกันเองภายในครอบครัวในวันหยุดสุดสัปดาห์ แต่ตอนนี้มันไม่ใช่แค่นั้นแล้ว ซึ่งเจ้าเตาอบ SHARP EO-42K ความจุขนาดกลางๆ เครื่องนี้ สามารถต่อยอดจนกลายเป็นธุรกิจย่อมๆ ทำเงินให้แอ้ดได้เลย เดี๋ยวตอนท้ายจะเอาหน้าตาขนมเค้กที่แอ้ดได้ทำไว้มาให้ดูกันว่าหน้าตาจะออกมาอย่างไร
23:04

รีวิว 7 ไดร์เป่าผม ยอดฮิตขายดี


ไดร์เป่าผมเป็นอุปกรณ์ข้างกายทั้งของคุณผู้ชายและคุณผู้หญิงที่จะต้องมีไว้ประจำบ้าน หรือไม่ก็สามารถพกพาติดกระเป๋าเดินทางไปได้ด้วย ซึ่งต้องตอบโจทย์กับไลฟ์สไตล์การแต่งตัว เสื้อผ้า หน้าผม ที่ต้องพร้อมก่อนออกจากบ้านเสมอในแต่ละวัน  เทคโนโลยีไดร์เป่าผมได้พัฒนาอย่างต่อเนื่อง คงไม่ใช่แค่ปรับได้แค่ความเร็วของลมเท่านั้น มันยังสามารถปรับเป็นระบบลมร้อน หรือลมเย็น แถมลมที่เป่าออกมาก็ยังสามารถป้องกันไฟฟ้าสถิตที่อาจจะเกิดขึ้นบนเส้นผมจากลมที่เป่าออกมาได้อีกด้วย
21:49

รีวิว 5 ครีมทาฝ้า ยอดฮิตขายดี

ปัญหาการเกิดฝ้าบนใบหน้าเป็นมหันตภัยร้ายสำหรับบรรดาสาวๆ ฝ้าจะทำให้เราขาดความมั่นใจ ส่องกระจกเห็นฝ้าทีไรรู้สึกไม่สบายใจทุกครั้งไป ซึ่งส่วนใหญ่ฝ้ามักจะเกิดกับผู้หญิงมากกว่าผู้ชายที่มีอายุตั้งแต่ 25 ปีขึ้นไป พบได้ที่บริเวณโหนกแก้ม สันจมูกและหน้าฝากซะเป็นส่วนใหญ่

ลักษณะของฝ้าที่ขึ้นตามบนใบหน้ามีทั้งชนิดตื้นและลึก ถ้าเป็นฝ้าแบบลึกอาจจะรักษาได้ยากกว่าฝ้าแบบตื้น สังเกตได้จากความเข้มสีของฝ้า ถ้าเป็นฝ้าแบบลึกสีจะเข้ม ออกเป็นสีม่วงอมน้ำเงินแสดงอาการให้เห็นได้อย่างชัดเจนกว่าฝ้าแบบตื้นที่เกิดบนผิวหนังกำพร้า ซึ่งรักษาด้วยการใช้ครีมทาฝ้าก็สามารถทำให้ฝ้าแลดูจางลงและหายได้ง่าย

ปัจจุบันมีผลิตภัณฑ์ครีมทาฝ้าให้เลือกมากมาย วันนี้ก็เลยอยากแนะนำยี่ห้อที่เป็นที่นิยมของบรรดาสาวๆ ส่วนใหญ่ใช้แล้วเห็นผล ฝ้าและริ้วรอยบนใบหน้าแลดูจางลงและหายไป ก็เลยนำมารวบรวมไว้ที่นี่ เผื่อมีผู้ที่กำลังประสบปัญหาฝ้าอยู่จะได้เป็นตัวช่วยได้อีกทางหนึ่ง

1. Dora Ultimate Whitening















ครีมทาฝ้า Dora Ultimate Whitening ขนาด 15 กรัม เป็นผลิตภัณฑ์ที่ช่วยแก้ฝ้า กระ และจุดด่างดำบนใบหน้า ให้ลดเลือนหายไป และจะค่อยๆ ปรับให้หน้าขาวกระจ่างใสได้ เพิ่มความชุมชื้นให้กับผิวหน้า ให้สดชื่นมีชีวิตชีวา อีกทั้งยังช่วยยับยั้งการสร้างเม็ดสีเมลานินของเซลล์ผิว ซึ่งเป็นต้นเหตุทำให้เกิดฝ้า

2. Faris Spotwise Melasma and Dark Spot Corrector Cream
















Faris Spotwise Melasma and Dark Spot Corrector Cream ขนาด 10 กรัม ชื่ออาจจะยาวไปสักหน่อย แต่เป็นครีมทาฝ้าที่เปี่ยมด้วยคุณภาพไม่แพ้ชื่อเลยก็ว่าได้ เป็นผลิตภัณฑ์จากญี่ปุ่น ซึ่งแพทย์ผิวหนังของญี่ปุ่นให้การยอมรับว่า สามารถช่วยลดเลือนฝ้า จุดด่างดำที่ฝังลึกได้อย่างมีประสิทธิภาพ

3. ยันฮีเมล่าครีม
















ถ้าจะไม่แนะนำก็คงจะไม่ได้ สำหรับครีมทาฝ้ายันฮีเมล่าครีมตัวนี้ ของโรงพยาบาลยันฮีที่มีชื่อเสียงทางด้านการรักษาปัญหาเกี่ยวกับผิวพรรณและความงาม ซึ่งเป็นที่รู้จักกันเป็นอย่างดี เจ้ายันฮีเมล่าครีมทาฝ้าตัวนี้ จะช่วยผลัดเซลล์ผิวที่เสื่อมสภาพให้หลุดออก ลดเลือนฝ้า กระ และจุดด่างดำให้ค่อยๆ จางลงภายใน 14 วัน หน้าที่เคยหมองคล้ำก็จะกลับมาค่อยๆ ขาวกระจ่างใสกลับคืนมา

4. Amela-Ex










Amela-Ex เป็นครีมทาฝ้าที่ช่วยควบคุมการสร้างเม็ดสีของเซลล์ผิว จะค่อยๆ ปรับให้ฝ้าจางลงอย่างเป็นธรรมชาติ ไม่ทำลายผิว ทำให้ผิวหน้าขาวกระจ่างใสอย่างสม่ำเสมอ และยังช่วยทำให้ผิวหน้าชุ่มชื้นสดใสสแลดูมีชีวิตชีวา

5. La Vita Anti Melasma Serum
















เนื้อผลิตภัณฑ์ของ La Vita Anti Melasma ตัวนี้จะออกลักษณะเป็นเซรั่มรักษาฝ้า เป็นเซรั่มชนิดเข้มข้น จากสารสกัดจากธรรมชาติ ซึ่งเป็นผลงานของทีมวิจัยเภสัชจุฬา สามารถช่วยลดเลือนฝ้า กระ และจุดด่างดำได้อย่างปลอดภัยหายห่วง

สาเหตุของการเกิดฝ้าไม่ทราบแน่ชัด อาจสืบเนื่องมาจากเซลล์ผิวสร้างเม็ดสีมากขึ้นจนผิดปกติ จึงทำให้เกิดเป็นจุดด่างดำ ริ้วรอยของการเกิดฝ้าได้

แต่ปัจจัยสำคัญที่ทำให้ฝ้าเกิดขึ้นได้ง่ายที่สุดก็คือ แสงแดด เพราะแสงแดดมีความเข้มของแสงยูวีเอ ยูวีบี หรือแม้กระทั่งแสงที่เราสามารถมองเห็นด้วย ซึ่งแสงเหล่านี้จะเป็นตัวกระตุ้นทำให้เกิดฝ้าได้โดยง่าย จะเห็นได้ว่าฝ้ามักจะเกิดตรงบริเวณที่มีโอกาสกระทบกับแสงแดดได้มากที่สุด เช่นบริเวณโหนกแก้ม สันจมูก และหน้าผาก ดังนั้นการป้องกันแสงแดดที่ดีที่สุดเมื่อต้องออกจากบ้านก็คือ ต้องทาครีมกันแดด ที่มีค่า SPF30 ขึ้นไป เพื่อป้องกันปัญหาของการเกิดฝ้าบนใบหน้า

และยังพบคนที่เป็นฝ้าซึ่งมีพันธุกรรมกับคนในตระกูลเดียวกันพบปัญหาฝ้ามาก่อนได้เช่นเดียวกัน และฮอร์โมนเพศที่ผลิตเซลล์เม็ดสีผิวมากขึ้นผิดปกติในผู้หญิงที่อยู่ในภาวะตั้งครรภ์ หรือผู้หญิงวัยหมดประจำเดือนซึ่งต้องรับประทานยาควบคุมฮอร์โมนให้อยู่ในสภาวะปกติ หรือการทานยาคุมกำเนิด หรือแม้แต่การใช้เครื่องสำอางที่มีส่วนผสมของสารเคมีที่เป็นตัวกระตุ้นทำให้เกิดฝ้าได้

สิ่งสำคัญเมื่อเกิดฝ้าขึ้นต้องหมั่นสังเกตว่าสาเหตุมาจากอะไร ซึ่งอาจเกิดจากการใช้เครื่องสำอาง หรือการทานยาบางชนิด จะได้ยับยั้งการเกิดฝ้าไม่ให้ลุกลามมากขึ้นกว่าเดิม ที่สำคัญสาวๆ อย่าลืมทาครีมกันแดดก่อนออกจากบ้านทุกครั้ง ควบคู่ไปกับการใช้ครีมทาฝ้า ฝ้าจะได้ลดเลือนและจางลงจนหายได้เร็วยิ่งขึ้นค่ะ
15:45

ครีมหน้าขาวใสยี่ห้อไหนดี Update!!

ครีมหน้าขาวใสยี่ห้อไหนดี 

วันนี้เรามาตอบคำถามกัน กับคำถามที่ว่า ครีมหน้าขาวใส ยี่ห้อไหนดีที่สุดและ ปลอดภัย มี อย กำกับ ต่อด้วย ราคาถูกอีก เป็นคำถามยอดฮิตที่เหล่าบรรดาสาวๆ อย่างเราๆ หรือใครต่อใคร ก็อยากจะมีหน้าขาวใสอย่างกับดาราเกาหลี ซึ่งหลายๆ คนก็กำลังมองหาครีมหน้าขาวใสสักตัว แต่ก็คง กล้ากล้า กลัวกลัว หรือกล้วใช้แล้วไม่ปลอดภัย หน้าเด้งกับกลายเป็นหน้าพังไปแล้วก็มี เพราะเนื่องจากมีสารเคมีปนเปื้อนที่เป็นตัวทำลายเซลล์ผิวหน้า โดยเฉพาะครีมหน้าขาวที่ไม่มี อย รับรองยิ่งต้องควรระวัง!!

บางคนเค้าเกิดมามีผิวพรรณดี หน้าขาว สวยใสแบบธรรมชาติให้มา หรือแม่ให้มา โดยไม่ต้องทาครีม ก็ปล่อยเค้าไปเถอะ สำหรับอย่างๆ เราๆ คงต้องหาต่อไป ทั้งครีมบำรุงผิวหน้าเอย ครีมหน้าขาวเอย เป็นเรื่องธรรมชาติของผู้หญิงค่ะ

เข้าเรื่องเลยละกันค่ะเราซึ่งเป็นคนหนึ่งที่เคยมองหาผลิตภัณฑ์ครีมหน้าขาวสวยใสเหมือนกัน วันนี้ก็เลยอยากจะนำมารวบรวมไว้ที่นี้ เผื่อว่าใครที่กำลังมองหน้าครีมหน้าขาวกันอยู่จะได้ตัดสินใจได้ง่ายขึ้นเพราะมันมีเยอะเหลือเกิน รวมทั้งราคาที่แตกต่างกันตั้งแต่ระดับราคาแพงระดับเกรดพรีเมี่ยมไปจนถึงเกรดธรรมดา ก็เลยอยากจะแนะนำรวบรวมไว้ที่นี่เอามาไว้ให้พิจารณากัน

มาเริ่มกันเลยดีกว่าค่ะ รู้จักหรือคุ้นๆ ตากับเจ้าครีมยี่ห้อข้างล่างกันบ้างมั๊ยคะ เห็นชื่อแล้วตาลาย แต่ถ้าพอเห็นรูปแล้วอาจจะร้องอ๋อ….ขึ้นมาก็ได้

1) Olay Natural White Rich Day Cream
2) Neutrogena Fine Fairness Overnight Brightening Cream
3) Pond’s White Beauty Day Cream Pink
4) Rojukiss White Poreless Advanced Repair Night Cream
5) Laneige White Dew Emulsion
6) Elizabeth Arden Visible Whitening Brightening Hydragel Cream

**ไปดูรายละเอียดของครีมหน้าขาวใส ที่แนะนำไว้นี้แต่ละตัวกันเลยดีกว่าค่ะ**

เรามาดูตัวแรกกัน ครีมหน้าขาวใสที่มีชื่อว่า
  
1) Olay Natural White Rich Day Cream
ครีมหน้าขาวใส Olay Natural White Rich Day Cream 
ถ้าพูดถึงผลิตภัณฑ์สกินแคร์ก็คงต้องแบรนด์นี้เลย OLAY ผลิตภัณฑ์ของเขามีให้เลือกมากมาย แต่ขอแนะนำ Olay Natural White Rich Day Cream ขนาด 50 กรัม ครีมหน้าขาวใสตัวนี้เลย ที่มาพร้อมกลิ่นหอมแบบละมุนละไม สำหรับใครที่มีปัญหาผิวหมองคล้ำ หรือผิวกระด่างกระดำไม่สม่ำเสมอ เจ้า OLAY ตัวนี้ช่วยได้ ซึ่งมาพร้อมกับส่วนผสมของครีมกันแดด SPF 24 สำหรับวันเบาๆ และยังเป็นครีมบำรุงผิวหน้าที่อุดมไปด้วยวิตามินบี 3 ที่สกัดจากพืชธรรมชาติ และมอยเจอไรเซอร์ เมื่อลูบไล้ครีมให้ทั่วใบหน้าและลำคอเป็นประจำอย่างต่อเนื่อง จะช่วยทำให้ผิวขาวอมชมพู เพิ่มความชุ่มชื่นให้กับผิว แลดูสุขภาพดี เซลล์ผิวแลดูเปล่งประกายเงางามอย่างเป็นธรรมชาติ จุดด่างดำที่มีจะค่อยๆ จางลง แก้ปัญหาผิวหมองคล้ำที่ซ่อนอยู่ภายในได้อย่างแท้จริง 


2) Neutrogena Fine Fairness Overnight Brightening Cream 
ครีมหน้าขาวใส Neutrogena Fine Fairness Overnight Brightening Cream 
ถ้าต้องการช่วยเพิ่มความขาวบนใบหน้าให้ขาวกระจ่างใส ก็ต้องครีมบำรุงผิวหน้าสูตรกลางคืนของ Neutrogena ตัวนี้เลย ซึ่งมีชื่อว่า Neutrogena Fine Fairness Overnight Brightening Cream ขนาด 50 กรัม ด้วยเนื้อครีมสีขาว เข้มข้น มีกลิ่นหอมอ่อนๆ คุณสมบัติมันจะค่อยๆ ปรับสีผิวให้สว่างกระจ่างใสขึ้น เป็นครีมหน้าขาวใสสูตรกลางคืนบำรุงผิว ที่เป็นที่นิยมของสาวๆ หลายคน เพราะเมื่อลูบไล้ลงบนใบหน้า เนื้อครีมจะซึมเข้าลงบนผิวหน้าค่อนข้างเร็ว ช่วยทำให้ผิวชุ่มชื้น ส่งผลให้ผิวหน้าในตอนเช้าแลดูสดชื่น เปล่งปลั่ง แถมเจ้า Neutrogena Fine Fairness Overnight Brightening Cream ตัวนี้ยังช่วยลดรอยจุดด่างดำ ช่วยยับยั้งการเกิดเมลานินในเซลล์ผิว ที่เป็นสาเหตุให้ผิวหน้าด่างดำ และหมองคล้ำ ผลิตภัณฑ์ของ Neutrogena ตัวนี้ปราศจากน้ำมัน ที่จะไปอุดตันรูขุมขนจนเกิดปัญหาเรื่องสิวได้


3) Pond’s White Beauty Day Cream Pink
ครีมหน้าขาวใส Pond’s White Beauty Day Cream Pink 
ครีมหน้าขาวใสของ POND’S ตัวนี้ก็ไม่ธรรมดา ด้วยชื่อแบรนด์แล้วไม่เป็นสองรองใคร ด้วยชื่อเสียงและราคาที่ย่อมเยาว์ ครองใจสาวไทยมาอย่างยาวนาน ถ้าพูดถึงครีมหน้าขาวใสก็คงต้อง Pond’s White Beauty Day Cream Pink ขนาด 50 กรัม มีกลิ่นหอมค่อนข้างแรง เป็นครีมสูตรกลางวัน ที่เหมาะกับทุกสภาพผิว เนื้อครีมไม่เหนียวเหนอะหนะ คุณสมบัติของครีมช่วยให้ผิวดูขาวกระจ่างใส ลดริ้วลอยด่างดำให้ดูจางลง ได้อย่างเป็นธรรมชาติ ครีมหน้าขาวใสตัวนี้ที่ได้รับความนิยมก็คงเพราะราคาที่ไม่แพงนักเมื่อเปรียบเทียบกับคุณภาพ ก็เลยเป็นครีมบำรุงผิวหน้าอีกตัวนึงที่อยากแนะนำ


4) Rojukiss White Poreless Advanced Repair Night Cream
ครีมหน้าขาวใส Rojukiss White Poreless Advanced Repair Night Cream 
ครีมหน้าขาวใสสูตรกลางคืน ที่มีชื่อว่า Rojukiss White Poreless Advanced Repair Night Cream ขนาด 50 มิลลิลิตร ตัวนี้ เป็นผลิตภัณฑ์จากเกาหลี ที่บรรดาสาวๆ ให้การยอมรับว่า สามารถแก้ปัญหารูขุมขนกว้าง หลุมสิว ผิวหน้าที่เป็นริ้วรอย ผิวหน้าและรอบดวงตาหมองคล้ำเหมือนหมีแพนด้าได้เป็นอย่างดีสมกับราคาจริงๆ เป็นครีมบำรุงผิวหน้า
ที่ช่วยฟื้นฟู และปรับสภาพเซลล์ผิวให้กลับมามีชีวิตชีวา ด้วยสุดยอดนวัตกรรม ที่มาพร้อมกับวิตามิน และอาหารผิวชนิดพิเศษที่เซลล์ผิวต้องการ จึงทำให้สามารถช่วยฟื้นฟูบำรุงผิวถึงระดับเซลล์ผิวที่ลึกได้ ซึ่งเป็นครีมที่ผ่านการพิสูจน์และรับรองจากแพทย์ผู้เชี่ยวชาญจากประเทศเกาหลี สำหรับผิวที่อ่อนแอ แก้ปัญหายาก เมื่อใช้แล้วจะเห็นผลได้ภายใน 14 วัน ถือว่าเป็นครีมผิวขาวที่ไม่ธรรมดาอีกตัวนึงเลยทีเดียว


5) Laneige White Dew Emulsion
ครีมหน้าขาวใส Laneige White Dew Emulsion
ผลิตภัณฑ์ของ Laneige ตัวนี้เป็นอิมัลชั่นที่มีชื่อว่า Laneige White Dew Emulsion ขนาด 100 มิลลิลิตร เหมาะสำหรับสาวผิวแห้ง ด้วยส่วนผสมของมอยเจอไรเซอร์ไวท์เทนนิ่งสูตรเข้มข้นอันทรงพลัง ที่สามารถซึมลึกลงไปยังเซลล์ผิวได้อย่างรวดเร็ว เป็นครีมบำรุงผิวหน้าที่ช่วยทำให้ผิวอ่อนโยนชุ่มชื้นมีน้ำมีนวลขาวกระจ่างใสเป็นประกายและทำให้สุขภาพผิวดีขึ้นเรื่อยๆ ซึ่งเป็นเอกสิทธิ์เฉพาะของ LANEIGE และเทคโนโลยีเพื่อผิวขาวกระจ่างใสสูตรใหม่ ที่มีการพัฒนามาอย่างต่อเนื่อง ช่วยมอบผลลัพธ์ผิวขาวกระจ่างใสและตรงเข้าลดเลือนจุดด่างดำและสีผิวที่ไม่สม่ำเสมอได้เป็นอย่างดี ซึ่งได้รับการตอบรับจากผู้ใช้แล้วเห็นผลส่วนใหญ่ว่าใช้แล้วผิวหน้าขาวเนียน ใสกิ๊ก และชุ่มชื้นดีค่ะ


6) Elizabeth Arden Visible Whitening Brightening Hydragel Cream
ครีมหน้าขาวใส Elizabeth Arden Visible Whitening Brightening Hydragel Cream 
ตัวสุดท้ายที่จะขอแนะนำครีมหน้าขาวระดับตัวแม่ที่ใครๆ ก็ยอมรับกันเลยว่า เป็นผลิตภัณฑ์ระดับเกรดพรีเมี่ยม ซึ่งคุณภาพไม่ต้องพูดถึงสมกับราคาจริงๆ กับแบรนด์ Elizabeth Arden กับไวท์เทนนิ่งที่มีชื่อว่า Visible Whitening Brightening Hydragel Cream ขนาด 50 มิลลิลิตร ช่วยลดความหมองคล้ำ จุดด่างดำจะค่อยๆ ขาวกระจ่างใสสเป็นสกินแคร์ที่ช่วยบำรุงผิวหน้าให้ขาวสวยใสอย่างเป็นธรรมชาติ ด้วยเนื้อครีมที่บางเบา นุ่มลื่นเกลี่ยง่ายและซึมซับสู่ชั้นเซลล์ผิวได้เร็วไม่ต้องรอนานก่อนจะแต่งหน้า ใช้ได้ทั้งกลางวันและกลางคืนทำให้ผิวแลดูชุ่มชื้นได้ตลอดทั้งวัน ซึ่งราคาเป็นตัวบอกคุณภาพจริงๆ สำหรับเจ้า Elizabeth Arden Visible Whitening Brightening Hydragel Cream ตัวนี้อีกตัวที่อยากแนะนำให้ได้ลองใช้กันค่ะ

สุดท้ายนี้อย่างที่ได้เกริ่นไว้ตั้งแต่ตอนต้นว่า ไม่ว่าจะเป็นผลิตภัณฑ์ของครีมบำรุงผิวหน้า หรือครีมทาผิวหน้าให้ขาวกระจ่างใส การที่เราจะเลือกใช้ผลิตภัณฑ์สักตัวกับผิวหน้าของเรา เรื่องของความปลอดภัยเป็นสิ่งสำคัญที่เราจะต้องใส่ใจ ดังนั้นสิ่งที่อยากจะฝากเอาไว้ก็คือ เราควรเลือกครีมหน้าขาวใสที่มี อย รับรองดีกว่า อย่างน้อยมันก็ทำให้เรามั่นใจได้ระดับนึงว่าปลอดภัย ดีกว่าเลือกผลิตภัณฑ์ที่ไม่ได้ผ่านการรับรองเลยค่ะ
22:17

เตาอบไฟฟ้ายี่ห้อไหนดี

เตาอบไฟฟ้ายี่ห้อไหนดี
เตาอบไฟฟ้ายี่ห้อไหนดี เป็นคำถามยอดฮิตสำหรับแม่บ้านที่ชื่นชอบการทำอาหาร ทำขนมพวกขนมปัง ขนมเค้ก หรือไม่ว่าจะเป็นคุกกี้ ซึ่งอาจจะทำไว้ทานกันเองที่บ้าน เป็นกิจกรรมอย่างหนึ่งที่ใช้เวลาในช่วงวันหยุดสุดสัปดาห์โดยไม่ได้คิดอะไรมากไปกว่ากิจกรรมภายในครอบครัว ทำไปทำมาเกิดความชื่นชอบไปโดยปริยาย จนบางคนพัฒนาไปจนกระทั่งเป็นธุรกิจครอบครัวย่อมๆ จากการทำขนมขาย มีร้านเบเกอรี่เป็นของตัวเองแล้วก็มี

ดังนั้นเครื่องมือชิ้นสำคัญขั้นพื้นฐานที่ขาดไม่ได้ก็คือเตาอบไฟฟ้านั่นเอง ปัญหาก็คือจะหาซื้อเตาอบไฟฟ้าดีๆ สักเครื่องนึงยี่ห้อไหนดีล่ะ วันนี้ก็เลยอยากจะแนะนำเตาอบไฟฟ้าดีๆ ไว้ให้ได้ลองพิจารณากัน ก่อนอื่นไปดูกันว่าเตาอบมีกี่ชนิด แบบไหนกันบ้าง

เตาอบแบ่งออกเป็น 2 ชนิดหลักๆ ตามโครงสร้างทางกายภาพ คือ

1) เตาอบไฟฟ้าแบบตั้งโต๊ะ ข้อดีของเตาอบประเภทนี้จะราคาถูก ข้อเสียของมันก็คือความร้อนภายในเตาอบจะไม่ค่อยสม่ำเสมอเท่าไหร่ ถึงจะมีระบบไฟบน ไฟล่างก็ตาม แต่ก็สามารถใช้งานนได้สำหรับการประกอบอาหาร ไม่ว่าจะปิ้ง ย่าง ที่สำคัญก็สามารถใช้ในการอบขนมเบเกอรี่ จำพวกขนมเค้ก ขนมปัง คุกกี้ได้แบบสบายๆ กระเป๋า ตามความต้องการของผู้ใช้งาน ราคาก็ขึ้นอยู่กับขนาดและคุณภาพของเตาอบไฟฟ้า

2) เตาอบไฟฟ้าแบบฝัง เตาอบไฟฟ้าแบบฝังถูกออกแบบมาพิเศษ ทั้งในเรื่องการติดตั้งให้ดูสวยงาม ไม่เกะกะตา เพราะตัวเครื่องถูกซ่อนอยู่ในผนังที่ถูกออกแบบมารองรับตัวเตาอบไฟฟ้าให้พอดี ดังนั้นความสวยงามก็มาพร้อมกับราคาค่อนข้างสูงเช่นกัน แต่ข้อดีของมันก็คือในเรื่องของการระบายความร้อนได้ดีกว่าเตาอบไฟฟ้าแบบตั้งโต๊ะ และมีฟังชั่นในการใช้งานที่หลากหลายกว่า

แต่สำหรับวันนี้จะขอแนะนำเตาอบไฟฟ้าแบบตั้งโต๊ะว่ามียี่ห้อไหนดีๆ ที่เหมาะสำหรับคนที่ชื่นชอบการทำอาหารหรือทำขนมเบเกอรี่ทั่วๆ ไปกัน ซึ่งเราสามารถเลือกซื้อได้ตามงบประมาณและขนาดของเตาอบที่ต้องการได้เลย

วันนี้ขอแนะนำเตาอบไฟฟ้ายี่ห้อดีๆ ที่กำลังเป็นที่นิยมกันดังนี้เลย!!
1. Otto TO-772
2. House Worth HW-EO01
3. Electrolux EOT2805K
4. Tefal OF4848
5. Oxygen KW-18L

ไปดูกันเลยสำหรับเตาอบไฟฟ้าตัวแรก ที่มีชื่อว่าเจ้า OTTO ที่มาพร้อมกับฟังชั่นการใช้งานขั้นพื้นฐานแบบครบครัน สำหรับคนที่เคยใช้เตาอบไฟฟ้ายี่ห้อ SHARP มาก่อน ดูแล้วรูปร่างหน้าตาคล้ายๆ เตาอบไฟฟ้ายี่ห้อ SHARP เลย เราลองไปดูรายละเอียดเจ้า OTTO กันเลยดีกว่า ว่ามีอะไรน่าสนใจสำหรับเตาอบไฟฟ้ายี่นี้กันบ้างค่ะ

1. Otto TO-772
เตาอบไฟฟ้ายี่ห้อไหนดี ต้อง Otto TO-772
 รายละเอียดของ Otto TO-772
ขนาดความจุ:
60 ลิตร
ขนาดกำลังไฟฟ้า:
2,200 วัตต์
ตั้งเวลาได้นานสูงสุด
60 นาที
ปรับอุณหภูมิได้
100-250 องศาเซลเซียล
ขนาดตัวเครื่องเตาอบไฟฟ้า:
56 x 46 x 36 ซม.
น้ำหนัก
14.52 กก.

ไม่ต้องห่วงเจ้า OTTO TO-772 ตัวนี้มีรับประกันสินค้านะคะ เตาอบไฟฟ้าตัวนี้เหมาะกับการอบเนื้อสัตว์ ผัก ปลา รวมไปถึงการอบขนมเบเกอรี่ได้ด้วยเหมือนกัน มีฟังก์ชั่นให้เลือกตามความต้องการใช้งาน ทำให้คุณสนุกกับการทำอาหารหรือขนมเบเกอรี่ได้อย่างง่ายดาย สามารถปรับอุณหภูมิได้ 100-250 องศาเซลเซียล ตามความเหมาะสมของการอบอาหารหรือขนมเบเกอรี่แต่ละประเภท สามารถตั้งเวลาในการอบได้ตั้งแต่ 0-60 นาที ซึ่งครอบคลุมการอบอาหารหรือขนมเบเกอรี่ทุกประเภท เมื่ออบขนมถึงเวลาที่ปรับตั้งไว้ เจ้า OTTO ก็จะส่งเสียงกริ่งเตือนเมื่อถึงเวลาที่ปรับตั้งไว้ และยังมีฟังก์ชั่นในการเลือกปรับไฟให้ทำงานตามที่ต้องการแบบอิสระได้ทั้งบน หรือไฟล่าง หรืออยากได้ทั้งไฟบนและไฟล่างให้ทำงานพร้อนกันได้อย่างอิสระ และมีไฟแสดงสถานการณ์ทำงาน มาพร้อมกับความจุถึง 60 ลิตร เรียกว่าภายในกว้างขวาง เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการใช้งานทั่วไปจนถึงผู้ที่ต้องการต่อยอดเพื่อทำขนมเบเกอรี่ขายได้อย่างสบายๆ ทำความสะอาดก็แสนจะง่ายดาย

เราลองไปดูข้อดี ข้อเสีย สำหรับเจ้า OTTO TO-722
ข้อดี
ข้อเสีย
ความจุที่มากถึง 60 ลิตร
ความจุค่อนข้างมาก ที่มาพร้อมกับราคาค่อนข้างสูง
ปรับอุณหภูมิได้ 100-250 องศา

เลือกส่วนทำความร้อนได้ 3 แบบ

ทำความสะอาดง่าย



เตาอบไฟฟ้าตัวต่อไปที่ไม่พูดถึงไม่ได้ก็คือ เตาอบไฟฟ้ายี่ห้อ House Worth หรือเรียกกันสั้นๆ ว่า HW ที่คนไทยส่วนใหญ่ค่อนข้างคุ้นหู เป็นที่รู้จักกันมากนานพอสมควร นับว่าเป็นยี่ห้อเตาอบไฟฟ้าที่มีคุณภาพอีกยี่ห้อนึงในเวลานี้เหมือนกัน สำหรับวันนี้ขอแนะนำ House Worth HW-EO01 เราลองไปดูกันว่ามันมีอะไรที่น่าสนใจกันบ้างค่ะ

2. House Worth HW-EO01
เตาอบไฟฟ้ายี่ห้อไหนดี ต้อง House Worth HW-EO01
รายละเอียดของ House Worth HW-EO01
ขนาดความจุ:
25 ลิตร
ขนาดกำลังไฟฟ้า:
2,200 วัตต์
ตั้งเวลาได้นานสูงสุด
60 นาที
ปรับอุณหภูมิได้
100-250 องศาเซลเซียล
ขนาดตัวเครื่องเตาอบไฟฟ้า:
52 x 38.7 x 36  ซม.
น้ำหนัก
6.8 กก.

สำหรับเตาอบไฟฟ้า House Worth HW-EO01 ตัวนี้ก็มีรับประกันสินค้าเช่นกันคะ ด้วยยี่ห้อแล้วความคงทนไม่ต้องห่วงคะสำหรับ HW ตัวนี้ ถึงแม้จะขนาดความจุจะเล็กลงมาสักหน่อย แต่สำหรับคนที่ฝึกหัดทำขนมเบเกอรี่แล้ว เจ้า HW-EO01 ตัวนี้ก็กำลังเหมาะมือเลยทีเดียว ด้วยการดีไซน์ที่ทันสมัย วัสดุที่แข็งแรงและทนทานที่มาพร้อมกับความจุ 25 ลิตร ปรับอุณภูมิได้ตั้งแต่ 100-250 และตั้งเวลาได้นานสูงสุด 60 นาที แม้แต่การเลือกปรับความร้อนตามที่ต้องการได้ทั้งไฟบน ไฟล่าง หรือทั้งไฟล่างและบนได้ มีไฟแจ้งสถานการณ์ทำงาน ปิดโดยอัตโนมัติพร้อมทั้งมีเสียงกริ่งแจ้งเตือนเมื่อถึงเวลาที่ปรับตั้งไว้ เรียกว่าฟังก์ชั่นที่มีให้เหมือนกับเตาอบไฟฟ้าขนาดที่ใหญ่กว่าเลย แต่แตกต่างกันแค่ความจุเท่านั้นเอง

ข้อดี ข้อเสีย สำหรับเจ้า House Worth HW-EO01
ข้อดี
ข้อเสีย
ราคาย่อมเยากับคุณภาพที่มาพร้อมกับความจุ 25 ลิตร
ด้วยความจุ 25 ลิตร ที่อาจจะเล็กไปสักหน่อย ถ้าต้องการอบขนมเบเกรี่ขาย อาจจะต้องอบหลายๆ ครั้งสักหน่อย
ฟังก์ชั่นการใช้งานที่ครบครันไม่ต่างจากเตาอบไฟฟ้าที่มีขนาดใหญ่กว่า

 ปรับอุณหภูมิได้ 100-250 องศา

 เลือกส่วนทำความร้อนได้ 3 แบบ

 ทำความสะอาดง่าย



เตาอบไฟฟ้าตัวต่อไปที่อยากจะนำเสนอก็คือ เตาอบไฟฟ้ายี่ห้อ Electrolux ต้องบอกเลยยี่ห้อนี้ ด้วยชื่อเสียงและแบรนด์ ด้วยความคงทนและวัสดุของตัวเครื่องของเตาอบไฟฟ้าเองไม่เป็นรองยี่ห้อไหนเลยเหมือนกัน

3. Electrolux EOT2805K
เตาอบไฟฟ้ายี่ห้อไหนดี ต้อง Electrolux EOT2805K
รายละเอียดของ Electrolux EOT2805K
ขนาดความจุ:
9 ลิตร
ขนาดกำลังไฟฟ้า:
800 วัตต์
ตั้งเวลาได้นานสูงสุด
60 นาที
ปรับอุณหภูมิได้
100-250 องศาเซลเซียล
ขนาดตัวเครื่องเตาอบไฟฟ้า:
26.2 x 31.6 x 41.1 ซม.
น้ำหนัก
2.7 กก.

การทำอาหารจะไม่ใช่เรื่องยากอีกต่อไปถ้าคุณมีเจ้า Electrolux เครื่องนี้ ถึงจะจิ๋วแต่แจ๋วด้วยฟังก์ชั่นการทำงานของตัวเครื่องแบบครบครันไม่แพ้เตาอบไฟฟ้าเครื่องใหญ่ๆ เลยทีเดียว ด้วยความจุเพียง 9 ลิตร ที่ขนาดไม่ใหญ่นักจึงทำให้ประหยัดพลังงานไฟฟ้ามากกว่าเตาอบไฟฟ้าขนาดที่ใหญ่กว่า จึงเหมาะสำหรับผู้ทีรักการทำอาหารหรือขนมเบเกอรี่เป็นประจำ ไม่ว่าจะเป็นการปิ้ง อบ หรือย่างก็สามารถทำได้ ด้วยตัวเครื่องที่มีสามารถทำความร้อนได้ทั้งบนและล่าง สามารถปรับความร้อนได้ตั้งแต่ 100-250 องศาเซลเซียล มีระบบตั้งเวลานานถึง 60 นาที เมื่อถึงเวลาที่ปรับตั้งไว้ระบบจะตัดไฟอัตโนมัติพร้อมทั้งเสียงกริ่งเตือน ทำไมผมถึงบอกว่าเล็กแต่จิ๋ว ด้วยฟังชั่นการทำงานไม่ต่างจากเตาอบไฟฟ้ารุ่นใหญ่เลย

ข้อดี ข้อเสียของเจ้า Electrolux EOT2805K
ข้อดี
ข้อเสีย
ราคาย่อมเยากับคุณภาพของวัสดุ
ด้วยความจุ 9 ลิตร ที่อาจจะเล็กไปสักหน่อย ซึ่งไม่เหมาะสำหรับผู้ที่อาจจะต้องการต่อยอดทางธุรกิจเช่น การอบขนมเบเกอรี่ขาย
ประหยัดพลังงานไฟฟ้ากับความจุ 9 ลิตร

ฟังก์ชั่นการใช้งานที่ครบครันไม่ต่างจากเตาอบไฟฟ้าที่มีขนาดใหญ่กว่า

 ปรับอุณหภูมิได้ 100-250 องศา



เตาอบไฟฟ้าตัวต่อไปนี้ก็คือ เตาอบไฟฟ้ายี่ห้อ Tefal ซึ่งยี่ห้อนี้มีผลิตภัณฑ์อื่นๆ อีกมากมายที่ใช้ในครัวเรือน สำหรับคนที่เคยใช้ผลิตภัณฑ์ของ Tefal ก็คงทราบถึงคุณภาพของยี่ห้อนี้กันเป็นอย่างดี

4. Tefal OF4848


เตาอบไฟฟ้ายี่ห้อไหนดี ต้อง Tefal OF4848
รายละเอียดของ Tefal OF4848
ขนาดความจุ:
39 ลิตร
ขนาดกำลังไฟฟ้า:
2,000 วัตต์
ตั้งเวลาได้นานสูงสุด
120 นาที
ปรับอุณหภูมิได้
100-240 องศาเซลเซียล
ขนาดตัวเครื่องเตาอบไฟฟ้า:
61.5 x 42.2 x 41.5 ซม.
น้ำหนัก
8.85 กก.

เป็นเตาอบที่มีขนาดกลางๆ มาพร้อมกับฟังก์ชั่นการทำอาหารได้อย่างครบครัน ด้วยความจุถึง 39 ลิตร ตอบสนองความต้องการทั้งงานในบ้าน หรือจะทำขนมเบเกอรี่ขายก็ยังสามารถทำได้ สามารถปรับได้ทั้งไฟบน หรือไฟล่าง หรือไฟบนและไฟล่าง หรือไฟบนและไฟล่างพร้อมทั้งลมร้อน ช่วยกระจายความร้อนได้ทั่วถึงภายในให้ทั่วทั้งเตาอบ สามารถปรับตอุณหภูมิได้ตั้งแต่ 100-240 องศาเซลเซียลตามต้องการ และยังสามารถปรับตั้งเวลาในการอบได้นานถึง 2 ชั่วโมงซึ่งมากกว่าเตาอบยี่ห้ออื่น เรื่องวัสดุและคุณภาพคงไม่ต้องกังวล มีความปลอดภัยด้วยกระจกด้านหน้าหนาถึง 2 ชั้น สำหรับใครที่กำลังมองหาเตาอบไฟฟ้าดีๆ สักเครื่อง ก็เป็นเตาอบไฟฟ้าอีกยี่ห้อนึงที่น่าสนใจและอยากให้ลองใช้ในเวลานี้กันเลยทีเดียว

เราลองมาดูข้อดี ข้อเสียกันว่าเป็นยังไงกันบ้างสำหรับเจ้า Tefal OF4848 ตัวนี้
ข้อดี
ข้อเสีย
ราคาย่อมเยากับคุณภาพของวัสดุ
ราคาค่อนข้างสูงตามความจุ และวัสดุที่ผลิตจากวัสดุที่มีคุณภาพ
ด้วยความจุขนาด 39 ลิตร มีความยืดหยุ่นกับการใช้งาน ประหยัดเวลาทำให้ไม่ต้องอบขนมหลายๆ ครั้งในเวลาเดียวกัน

ฟังก์ชั่นการใช้งานที่ครบครันไม่ต่างจากเตาอบไฟฟ้าที่มีขนาดใหญ่กว่า

 ตั้งเวลาได้นานถึง 2 ชั่วโมง



เตาอบไฟฟ้าตัวต่อไปก็คือ เตาอบไฟฟ้ายี่ห้อ Oxygen ซึ่งอาจจะไม่ค่อยคุ้นหูกันสักเท่าไหร่ แต่ก็เป็นเตาอบไฟฟ้าอีกย่อห้อนึงที่น่าสนใจไม่น้อย ที่กำลังมาแรงกันเลยที่เดียวในตอนนี้ก็ว่าได้ เราลองไปดูว่าเจ้า Oxygen มีดียังไง

5. Oxygen KW-18L
เตาอบไฟฟ้ายี่ห้อไหนดี ต้อง Oxygen KW-18L
รายละเอียดของ Oxygen KW-18L
ขนาดความจุ:
18 ลิตร
ขนาดกำลังไฟฟ้า:
800 วัตต์
ตั้งเวลาได้นานสูงสุด
60 นาที
ปรับอุณหภูมิได้
100-250 องศาเซลเซียล
ขนาดตัวเครื่องเตาอบไฟฟ้า:
31 x 39 x 28 ซม.
น้ำหนัก
4.5 กก.

สำหรับเตาอบไฟฟ้าเจ้า Oxygen ตัวนี้ ฟังก์ชั่นการใช้งานก็ไม่ได้ต่างจากการเตาอบไฟฟ้ารุ่นใหญ่ๆ เลย เรื่องของวัสดุที่ผลิตที่แข็งเรงทนทานต่อการใช้งานเช่นกัน ถึงความจุจะมีขนาด 18 ลิตร แต่ก็ดูกว้างขวางน่าใช้งานสำหรับการอบที่สามารถปรับความร้อนได้ทั้งไฟบน ไฟล่าง หรือพร้อมกันทั้งไฟบนและล่าง สามารถตั้งอุณหภูมิได้ 100-250 องศาเซลเซียล ได้นานสูงสุดถึง 60 นาที ซึ่งตอบโจทย์การใช้งานทั่วไป

ข้อดี ข้อเสียของเจ้า Oxygen KW-18L
ข้อดี
ข้อเสีย
ราคาค่อนข้างถูก
ด้วยความจุ 18 ลิตร ที่อาจจะเล็กไปสักหน่อย ซึ่งไม่เหมาะสำหรับผู้ที่อาจจะต้องการต่อยอดทางธุรกิจเช่น การอบขนมเบเกอรี่ขาย
ฟังก์ชั่นการใช้งานที่ครบครันไม่ต่างจากเตาอบไฟฟ้าที่มีขนาดใหญ่กว่า

 ปรับอุณหภูมิได้ 100-250 องศา


และนี่ก็เป็นเตาอบไฟฟ้ายี่ห้อที่ดีและมีคุณภาพ ณ เวลานี้ที่กำลังเป็นที่นิยมก็ว่าได้ ทั้งนี้ทั้งนั้นสำหรับการจะเลือกซื้อเตาอบไฟฟ้าของใครหลายๆ คนคงมีวัตถุประสงค์ที่ต่างกัน ก็หวังเป็นอย่างยิ่งว่าเตาอบไฟฟ้าที่แนะนำยี่ห้อต่างๆข้างบนจะตอบโจทย์คามต้องการ และช่วยในการตัดสินใจของคุณได้ดีขึ้นนะคะ